วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554




ประวัติการสัก
เริ่มต้นจากที่กรีก การสักเป็นการทำสัญลักษณ์เฉพาะใบหน้าของทาส และ อาชญากร ต่อมาการสักเริ่มแพร่หลายในทวีปยุโรป ต่อมาประมาณ ค.ศ. 787 การสักบนใบหน้าถือเป็นการลบหลู่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
ในประเทศไทย การสัก หรือ สักเลกนั้นเป็นการทำเครื่องหมายที่ข้อมือ เพื่อแสดงการขึ้นทะเบียนเป็นไพร่หลวงที่มีสังกัดกรมกอง แต่ถูกยกเลิกไปในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนที่หน้าผาก หรือการสักท้องแขนใช้กับผู้ต้องโทษจำคุก แต่ยกเลิกในปี พ.ศ. 2475 รวมทั้งการสักยันต์เป็นเหมือนเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ
ในญี่ปุ่น การสักเรียกว่า Irezumi ซึ่งมีความหมายว่าการเติมหมึก คาดว่าเริ่มปรากฏในประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 8 การสักจะประทับตาคนกลุ่มต่างๆ เพื่อแบ่งแยกเช่น เพชฌฆาต สัปเหร่อ อาชญากร จนกระทั่งเริ่มมีการสักแบบ Horibari ที่มักจะสักลวดลายต่างๆทั่วร่างกาย และเริ่มแพร่หลายในปี ค.ศ. 1750 โดยนิยมมากในหมู่ Eta ซึ่งเป็นกลุ่มคมฐานะชั้นต่ำที่สุด ลวดลายต่างๆมักเป็นจิตรกรรมที่มีชื่อเสียง ตลอดจนเทพเจ้า ตามความเชื่อทางศาสนา และนิทานพื้นบ้าน

ประเภทของการสัก


ทริบอล สไตล์
  • แฟนตาซี สไตล์ - ผสมหลายรูปแบบ เป็นภาพในจินตนาการ เทพนิยาย
  • ทริบอล สไตล์ - เป็นลวดลาย เช่นเถาวัลย์ ใบไม้ หรือลายกราฟิก
  • ยุโรป สไตล์ - เป็นภาพเหมือนลงแสงเงา คล้ายกับภาพเหมือนบุคคล
  • เจแปน สไตล์ - มีลวดลายที่บ่งบอกความเป็นตะวันออก เช่น ปลาคาร์พ มังกร
  • เวิร์ด สไตล์ - มีตัวอักษรที่มีความหมาย หรือไม่มีความหมายก็ได้ บางทีก็อ่านไม่รู้เรื่องเช่นงานแนวแอมบิแกรม
  • ไกเกอร์ สไตล์ - ลวดลายนามธรรม รวมถึงเฉพาะกลุ่มเช่นฮิปฮอป
  • พังค์ สไตล์ - ลายสักไม่เน้นสีสัน ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ
  • ฮาร์ดคอร์ สไตล์ - ใกล้เคียงกับ พังค์ สไตล์แต่จะมีความเหมือนจริงมากกว่า
  • อินดี้ สไตล์ - ไม่มีแนวทางชัดเจน ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัว

 วิธีการสัก

ปัจจุบันการการสักพัฒนาไปมาก เครื่องมือที่เป็นที่นิยมที่สุดเป็นเข็มที่ใช้มอเตอร์ในการทำให้ขยับแทงในผิวหนังลึกระหว่าง0.6-22 มิลลิเมตร เมื่อแทงลงไปหมึกจะแพร่กระจายไปสู่เนื้อเยื่อ ดูดซึมเก็บสะสมไว้ โอกาสที่จะเปิดปฏิกิริยาที่เป็นเชิงลบจากหมึกที่ใช้สักมีน้อยมาก โดยปกติแล้วสิ่งแปลกปลอมจะถูกขจัดจากร่างกายโดยใช้กลไกป้องกันตามธรรมชาติ แต่อนุภาคของหมึกนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะถูกขจัดออกไปด้วยกลไกนี้ได้
ขณะเดียวกันการสักอาจจะก่อให้เกิดอันตรายจากการติดเชื้อโรคชนิดต่างๆ เช่น impetigo, staph infection, cellulitis ตลอดจนปฏิกิริยาจากสีซึ่งสักลงไปปัจจุบันใช้สารที่นิยมใช้เป็นสีหลายชนิดมักเป็นโลหะหนัก เช่น สารปรอท แร่เหล็ก แร่โคบอลด์ สารเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาบางอย่างโดยเฉพาะสารสีแดง (cinnabar) ของโลหะจะพบได้บ่อยที่สุด

ประโยชน์ของการฟังเหลง



คนที่ชอบฟังเพลง ทราบหรือไม่ว่า มีประโยชน์อย่างไร

 
โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นโรคที่เป็นกันอยู่อย่างแพร่หลาย เมื่อมันขึ้นไปอยู่ระดับสูง แล้วไม่กลับลงมาสู่ระดับปกติ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก ปีหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน

    ดร.เปียโตร เอ.โมเดสติ ศาสตราจารย์วิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์แห่งอิตาลี หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวว่า
“เพลงจะช่วยขับกล่อม และมีส่วนในการควบคุมความเจ็บปวด ความวิตกกังวลของคนไข้ และทำให้ความดันโลหิตลดลงได้อย่างฉับพลัน”

    พร้อมกับกล่าวต่อว่า “นับว่าเพิ่งได้ยินผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นอิทธิพลของการฟังดนตรีประจำวัน กับโรคความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน จึงอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ที่พบว่ามันเป็นผลดีทั้งกับคนไข้และหมอ ซึ่งต่อไปจะเชื่อมั่นได้ว่า การฟังเพลง เป็นเรื่องปลอดภัยและให้ผลดี อาจเป็นหนทางรักษาโดยไม่ต้องพึ่งยาอีกทางหนึ่ง

    ถ้ารู้สึกความดันโลหิตขึ้นสูง ไม่ต้องตกใจ พยายามผ่อนหายใจ และหันไปเปิดเพลงช้า ๆ ฟัง จะพบว่า มันจะค่อย ๆ ลดลงได้


    ผลวิจัยของสมาคมแพทย์โรคความดันโลหิตสูงอเมริกัน รายงานว่า ผู้ที่เป็น โรคความดันโลหิตสูง อย่างอ่อน จะสามารถให้มันกลับลดลงได้ อย่างน่าสังเกต เพียงฟังเพลงคลาสสิก วันละครึ่งชั่วโมง ติดต่อกันสัก 1 เดือน

การว๊าก


ถ้าใครไม่ชอบว้ากหรือฮาร์ดคออีโมก็อย่าว่ากันเลยนะครับ**
เสนอความคิดเห็นกันได้งับ~
ประวัติคร่าวๆ ร้องว้าก/Hard core/Emo

เป็นการร้องแหกปาก

ด้วยเสียงแตกๆนั้นเอง

จบ- -[พอดีรู้แค่นี้หว่า]

รู้ไหมว่า การออกกำลังสำคัญกับการร้องเพลง

การว้าก ต้องใช้ส่วนที่เปล่งเสียง

ส่วนที่เปล่งเสียงจะต้องแข็งแรง!

แล้ว การซิทอัฟบ่อยๆกำให้กล้ามเนื้อท้องแข็ง

แล้วจะมีพลังในการเปล่งเสียงมากยิ่งขึ้น
**เตือน-ผู้ที่ร้องผิดเสียงจะแตกและแหบไปเลย

เพื่อนเราไปแล้ว คนนึง- -**

เบสิก การว้าก

ร้อง ทำเสียงแตกและต่ำๆให้ได้ซะก่อน

เบสิกการร้องคือ "เหวะ!!"

เสียง เหวะ หรือ คนจะอ้วกนี่เหละ

ถ้ามีคู่รักสวีทอยู่ใกล้ๆจะทำได้ง่ายมากมาย555+

แล้วใช้ คำสั้นๆง่ายให้เสียงแตก

เช่น"จบ ,ลง, ตาย ,ไป "เป็นต้น

แล้วก็เข้าเพลงเลย

เพลงที่น่าร้องคือ retrospect= w =

อ้อ อย่าลืมคุมเสียงให้ได้ด้วยละ

เคล็ดอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

DeathCore กับ DeathMetal ต่างกันยังไง

ผมเองฟังแนวเดธยังไม่รู้เลยว่ามันต่างกันตรงไหน
แต่เอาเท่าที่ผมรู้สึกได้ ถ้าเป็นเดธคอร์ จังหวะมันออกไปทางพวกเพลงฮาร์ดคอร์ มีกลิ่นไอดนตรีทางฝั่งดนตรีพังค์
มีจังหวะจะโคนที่คล้ายพวกฮาร์ดคอร์ก็คงจะสมชื่อหละครับ เดธคอร์ ก็คล้ายๆเอาดนตรีเดธไปผสมกับฮาร์ดคอร์
เพราะจริงๆดนตรีฮาร์ดคอร์ที่เห็นว๊ากๆตะโกนๆ จริงๆดนตรีเขาเน้นเรื่องจังหวะที่สนุกสนานในแบบของดนตรีพังค์เลย
ต่างกับทางสายเมทัล ที่ไม่ค่อยเน้นความสนุกสนาน แต่จะเน้นไปตรงอารมณ์ที่ถ่ายทอดมามากกว่า
ถ้าฟังเดธทั่วไปกับเดธคอร์เทียบกัน มันก็พอจะรู้ถึงความต่างหละครับ เดธจะไม่มีท่อนเบรกดาวน์แบบที่เดธคอร์ เมทัลคอร์ รวมไปถึงฮาร์ดคอร์ มี
ถ้าสงสัยว่าเบรกดาวน์มันช่วงไหน ก็จะเป็นช่วงที่สับสายกีต้ารั่วๆเบิ้ลๆอะครับ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายไงดีนะ
แต่ช่วงที่เป็นเบรกดาวน์ ดนตรีจะช้าลงนิดนึง แล้วเน้นเสียงสับสายกีต้าติดๆกัน แต่ถ้าเป็นเดธเมทัล โดยตรงเลย จะไม่มีอะไรแบบนี้
ยกเว้นพวกเมโลดิกเดธจะมีบ้างเหมือนกันแล้วแต่วง แต่ถ้าเดธเมทัล จะไม่ค่อยมีนิยมใส่ท่อนเบรกดาวน์
เหมื่อนมีครั้งนึงผมเคยรำพึงรำพันว่าเมื่อไหร่คอนเสิร์ทเดธบ้านเราจะไม่มีมอชชิ่ง เพราะวัฒธรรมการมอชมันก็เป็นของ ฮาร์ดคอร์เหมือนกัน
ถ้าฟังเอามันเอาสนุกนะ ฝั่ง ฮาร์ดคอร์ฟังมันฟังสนุกกว่า ดนตรีเขาถ้าเร็วก็เร็วกว่าเมทัล ท่อนโยก(เบรกดาวน์) ก็มีให้โยกเยอะกว่า
แต่ทั้งที่ผมชอบเพลงโยกมันๆนะ แต่ก็ดันชอบแบบที่เป็นเดธเมทัลยุคใหม่ซะงั้น อย่าเพิ่ง งง นะว่าผมใช้คำพูดดู งงๆ จัง


HISTORY & SALES POINTS

- Suicide Silence (ซูไซด์ ไซเลนซ์) คือวงลูกผสมระหว่างดนตรีเดธเมตัลกับดนตรีประเภทเมตัลคอร์ จึงทำให้ดนตรีของพวกเขาถูกเรียกขึ้นมาอีกแบบในกลุ่มผู้ฟังยุคใหม่ง่าเป็น “Deathcore (เดธคอร์)” มันจะก่ำกึ่งอยู่ระหว่างเดธเมตัลเสียมากกว่า แต่บางครั้งก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวงกระแส ไม่แปลกใจที่พวกเขามันทัวร์ได้ทั้งวงเดธเมตัล และบางงานอาจจะทัวร์สนับสนุนให้กับวงเมตัลคอร์
- เด็กหนุ่ม 5 ชีวิตจากเมืองคาลิฟอร์เนีย ตั้งวงครั้งแรกในปี 2002 สมาชิกล่าสุดประกอบด้วยChris Garza (กีตาร์), Mitch Lucker (ร้องนำ), Mike Bodkins (เบส), Mark Heylmun (กีตาร์), Alex Lopez (กลอง) พวกเขาเคยออกเดโมเทปมาก่อนหน้านี้แล้ว ถึง 2 ชุด โดยเป็นการลงทุนทำกันเอง ต่อมาอีพีชุดแรกก็เกิดขึ้นโดยมีสังกัด Third Degree Records เป็นต้นสังกัดแรก พวกเขามาโด่งดังจนเตะตาสังกัดใหญ่อย่าง Century Media เข้าด้วยสปริตอัลบัมกับวง Downtown Massacre ในปี 2006 เป็นงานที่สร้างชื่อให้กับวงค่อนข้างมาก
- นี่คืออัลบัมล่าสุด ถือว่าเป็นอัลบัมเต็มชุดแรกก็ว่าได้ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความกระหายของแฟนเพลงประเภทสุดขั้วอย่างเต็มที่กับดนตรีสมัยใหม่ จัดว่าเป็นสายเดธเมตัลได้สบายมาก ริฟฟ์ลากยาวบวกเสียงสำรอกบดขยี้กับเสียงกลองที่หวดไม่ยั้ง ท่อนผ่อนเสียงร้องดุจซากศพผุดขึ้นมาจากหลุม เสียงแผดร้องส่อถึงวงเมตัลคอร์กลายพันธ์อย่างชัดเจน
- เพลงเด่นในอัลบัมนี้คือ Unanswered, Hands of a Killer และซิงเกิลเปิดตัวอย่าง The Price of Beauty สะท้อนสังคมที่ละเลงไปด้วยเลือดอย่างโจ่งแจ้ง